ดวงกับการคัดเลือกบุคลากร

เรื่องของดวงหรือโหราศาสตร์ อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล่น ๆ เพราะองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งมีการใช้บริการศาสตร์นี้กันอย่างจริงจัง ทั้งศาสตร์ฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง ลายมือ ดวง และเลขศาสตร์

อาทิ องค์กรใหญ่ ๆ บางแห่ง เชิญอาจารย์ด้านดูโหงวเฮ้งมานั่งสังเกตเวลาสัมภาษณ์พนักงานด้วย เพื่อดูว่าเป็นคนซื่อสัตย์หรือไม่ รวมทั้งอาจจะดูว่าเป็นคนเฮงไม่เฮง ดูอย่างละเอียดว่า ณ อายุของผู้สมัครงานคนนั้น โหงวเฮ้งเดินมาถึงบริเวณใดของใบหน้า ซึ่งลักษณะของใบหน้าส่วนนั้น บ่งบอกถึงช่วงจังหวะชีวิตในขณะนั้นว่าดีหรือไม่

ที่หลายองค์กรนิยมดูจากโหงวเฮ้ง อาจเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด ไม่ต้องประเจิดประเจ้อไปขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ไปถามเวลาตกฟากของผู้สมัครงาน ซึ่งบางคนอาจจะไม่ให้ หรือให้ข้อมูลที่ไม่จริงก็ได้ เพราะผู้สมัครงานก็กลัวเหมือนกันนี่นาว่าจะเอาดวงเขาไปทำมิดีมิร้ายอะไรหรือไม่

วิธีที่ง่ายกว่าการผูกดวงจากวันเดือนปีเกิด ก็ คือ การทำนายจากเลขบัตรประชาชน ซึ่งผู้สมัครงานต้องกรอกในใบสมัครอยู่แล้ว จึงนำมาทำนายได้เลยโดยไม่ต้องขอข้อมูลเพิ่ม การดูจากเลขบัตรประชาชน อยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่าทุกคนในชีวิตหนึ่งจะมีเพียงหมายเลขเดียว ส่วนการผูกดวงนั้นต้องรู้เวลาเกิด ซึ่งในสมัยก่อนอาจจะไม่ได้บันทึกอย่างแม่นยำ ทำให้การทำนายคลาดเคลื่อนไป

ทั้งนี้ องค์กรเชื่อว่าถ้าองค์กรมีคนดวงดีจำนวนมาก ๆ มาอยู่รวมกัน ก็จะช่วยให้องค์กรโดยรวมดีไปด้วย เช่น หมอดูบางท่านทักว่า “ในคณะรัฐมนตรีมีคนดวงดีกี่คน ดวงไม่ดีกี่ ดังนั้น รัฐบาลจะไปรอดหรือไม่”

สิ่งที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งของการดูดวง ก็คือ การดูว่าดวงของคนที่มาสมัครงานนั้นสมพงษ์กับดวงเจ้าของบริษัทหรือหัวหน้างานหรือไม่ โดยเชื่อว่า ถ้าดวงสมพงษ์กัน ก็จะช่วยเสริมกันทำให้งานเจริญรุ่งเรือง

การที่องค์กรจะเลือกใช้ศาสตร์ไหน ก็ต้องมีหรือเชิญผู้เชี่ยวชาญของศาสตร์นั้น ๆ มาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสนนราคาหรือค่าครูของซินแสดัง ๆ นั้น อาจแพงกว่าค่าที่ปรึกษาของอาจารย์จากรั้วมหาวิทยาลัยอีกด้วย